รีวิว VAXEE ZYGEN NP-01s Wireless

- NP-01s Wireless ถือเป็นเม้าส์ไร้สายตัวที่สองจากแบรนด์ VAXEE รูปทรงของ NP-01s เป็นทรงที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่รุ่นมีสายและหลายคนก็เฝ้ารอเวอร์ชั่นไร้สายออกมา

- NP-01s เป็นเม้าส์ที่เกิดจากความร่วมมือกันของ VAXEE และ ZYGEN โดยเม้าส์ตัวแรกที่ทั้ง 2 แบรนด์ทำร่วมกันและเป็นเม้าส์ตัวแรกภายใต้แบรนด์ VAXEE ด้วยนั่นก็คือ NP-01 ต่อมา NP-01s ได้ถูกปล่อยออกมาโดยมีขนาดที่เล็กกว่าเดิม และในตอนนี้ก็ได้ออกเวอร์ชั่นไร้สายมาให้ได้ใช้งานกันแล้ว

- NP-01s เป็นเม้าส์ Hybrid ที่ผสานเม้าส์ทรงสมมาตรและไม่สมมาตรไว้ด้วยกัน โดยเม้าส์ของแบรนด์ VAXEE มีจุดที่น่าดึงดูดก็คือ Competitive Mode ที่เพิ่มการตอบสนองและการส่งสัญญาณ รวมถึงวิธีการเชื่อมต่อที่สามารถสลับการใช้งานตัวรับสัญญาณ 2 ตัวได้ (โดยสามารถซื้อ Dongle เพิ่มหรือหากใช้เม้าส์ Wireless ของ VAXEE อยู่แล้วสามารถนำ Dongle เก่ามาใช้ร่วมกันได้)

- NP-01s มีให้เลือกใช้งาน 6 สีประกอบไปด้วย ดำ/ขาว/ส้ม/ฟ้า/ชมพู/เหลือง โดยที่ Logo ZYGEN จะอยู่ที่ด้านซ้ายของเม้าส์และไม่มีโลโก้ตรงจุดอื่น พื้นผิวเม้าส์เป็นแบบ Grippy Matte สามารถยึดจับได้เป็นอย่างดี ไม่หลุดมือง่ายแม้ว่าจะมีเหงื่อออก ไม่เกิดรอยเปื้อนง่ายแม้ว่าจะเลือกใช้เม้าส์สีอ่อนก็ตาม Mouse Feet มีความหนา 0.6mm ติดตั้งไว้ 3 จุด คือด้านบน ด้านล่าง และรอบ Sensor

- ปุ่มใต้เม้าส์ 3 ปุ่มประกอบไปด้วยปุ่มปรับ DPI , Polling Rate และ Click Respond Speed พร้อมไฟ LED ที่ง่ายต่อการสังเกตุ และสวิชด้านขวา Sensor ซึ่งใช้เปิด/ปิดเม้าส์ ด้านหน้าเม้าส์ใช้การเชื่อมต่อแบบ USB-C ที่มาพร้อมกับที่ล๊อคสายเพื่อป้องกันสายเม้าส์หลุด

- รูปร่างของ NP-01s สามารถมองได้ทั้งแบบทรงสามาตรและไม่สมมาตรในเวลาเดียวกันขึ้นอยู่กับมุมมอง ถือว่าเป็นเม้าส์ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก น้ำหนักเม้าส์อยู่ที่ 70g ในขณะที่ NP-01s แบบมีสายมีน้ำหนัก 73g

- งานประกอบอยู่ในระดับ Premium เซ็นเซอร์และการส่งสัญญาณแบบ Lag-Free ความเร็วแทบไม่แตกต่างจากเม้าส์มีสาย โดยมี Delay อยู่ที่น้อยกว่า 0.5ms ซึ่งแทบไม่แตกต่างจากเม้าส์มีสายเลย หากเปิดการใช้งาน MotionSync จะมีค่า Delay อยู่ที่น้อยกว่า 1.5ms ตำแหน่งของ Sensor อยู่ที่กลางเม้าส์ สามารถปรับระดับ Lod ได้ 2 แบบคือ Low (0.9mm) กับ High (1.8mm)

- เกี่ยวกับ Competitive Mode การเปิดใช้งานจะเพิ่มพลังการ Scan ของเซ็นเซอร์รวมถึงการส่งสัญญาณไร้สายด้วยซึ่งต้องแลกมากับการใช้แบตเตอรี่ที่มากขึ้น โดยจุดมุ่งหมายคือการทำให้เม้าส์มีสายมี Performance ใกล้เคียงกับเม้าส์มีสายให้มากที่สุดซึ่งจะกินแบตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า

- NP-01s Wireless จะไม่มีปุ่ม Function Key เหมือนกับรุ่น XE ปุ่มคลิ๊กซ้ายขวาใช้สวิชของ Huano Black Shell Pink Dot น้ำหนักประมาณ 75g ความรู้สึกในการกดมีความนุ่ม การเด้งกลับอยู่ในเกณท์ปกติ ได้ความรู้สึกที่ชัดเจนในการคลิ๊ก

- โดยทั่วไป Click Respond Speed ของเม้าส์จะอยู่ที่ 4.8ms แต่เม้าส์ VAXEE สามารถปรับต่ำสุดได้ที่ 2ms โดยปกติแล้วการมี Click Respond Speed ที่น้อยเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่างไรก็ตามในบางครั้งมันอาจส่งผลเสียซึ่งทำให้เกิดอาการเม้าส์ลั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ล่าสุด VAXEE ได้ออก Firmware ตัวใหม่ออกมาซึ่งแก้ไขเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว

- ปุ่มด้านข้างเม้าส์มีขนาดเล็ก ไม่ยื่นออกมามากเกินไปอยู่เหนือตำแหน่งการวางนิ้วโป้งเล็กน้อยสามารถกดได้สะดวกและรวดเร็ว มีความโปร่งแสงสามารถมองเห็นด้านใน

- Scroll Wheel มีความแข็งกำลังดี แข็งแรงทนทานให้ความรู้สึกในการเลื่อนที่ชัดเจน เสียงค่อนข้างเงียบ น้ำหนักในการกดอยู่ในเกณท์ปกติสามารถ Spam คลิ๊กได้อย่างสบายมือ

- แบตเตอรี่มีความจุ 400mAh แบตมีขนาดใหญ่เพื่อครอบครุมการใช้งานที่มากขึ้น ในโหมดปกติสามารถใช้งานได้ 100 ชั่วโมงและในโหมด Competitive สามารถใช้งานได้ 55 ชั่วโมง หากเทียบกับเม้าส์อื่นๆที่ส่งสัญญาณในระดับ 2.4ghz จะสามารถใช้งานได้ 70-80 ชั่วโมง ซึ่ง VAXEE Wireless Mouse จะใช้งานได้นานกว่าถึง 30% หากใครไม่ต้องการชาร์จบ่อยคุณสามารถเลือกใช้งานในโหมดปกติ แต่ใครอยากใช้งานแบบเต็มประสิทธิ์ภาพให้เลือกใช้งานแบบ Competitive ซึ่งกินแบตเตอรี่มากกว่า

- ตรวจสอบแบตเตอรี่ได้ด้วยการกดปุ่ม Scroll Wheel และคลิ๊กขวาพร้อมกัน โดยไฟ LED จะแสดงออกมา แบตเตอรี่ 61-100% ไฟ LED จะแสดงพร้อมกันสองจุด แบตเตอรี่ 21-60% ไฟ LED ด้านบนจะแสดงตำแหน่งเดียว แบตเตอรี่ 11-20% ไฟ LED ด้านล่างจะแสดงตำแหน่งเดียว แบตเตอรี่ต่ำกว่า 10% ไฟจะกระพิบ การชาร์จจาก 0-100 จะอยู่ที่ 1 ชั่วโมง 50 นาที

- สายเม้าส์เป็นแบบ Paracord นุ่มและมีน้ำหนักเบา ที่ปลายสายมีขั้ว 2 ฝั่งถูกติดตั้งไว้เพื่อล๊อคสายเม้าส์อย่างแน่นหนา ป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นระหว่างการใช้งาน และทำให้สายนี้ไม่สามารถใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆได้

- เม้าส์ VAXEE เป็นแบบ Plug and Play ไม่มี Software สามารถปรับ DPI , Polling Rate และ Click Respond Speed ได้จากปุ่มใต้เม้าส์ รวมถึงการปรับ LOD (กดปุ่ม Polling Rate ค้างและเปิดเม้าส์) ถ้าไฟ 125hz กระพิบคือ LOW ถ้าไฟ 1000hz กระพิบคือ HIGH การปรับ Motion Sync (กดปุ่ม DPI ค้างและเปิดเม้าส์) หากไฟเขียวกระพิบ คือเปิดใช้งาน หากไฟฟ้ากระพิบคือปิดใช้งาน การเปิดใช้งาน Competitive Mode (กดปุ่ม Click Respond Speed ค้างและเปิดใช้งาน) หากไฟกระพิบ 3 ดวงคือเปิด หากไฟ 4ms กระพิบคือปิด หากต้องการเช็ค Status ทั้งหมดให้กดปุ่มด้านข้าง 2 ปุ่มและ Scroll Wheel ค้างเอาไว้พร้อมกัน

- คุณสามารถการสลับใช้งานของ Dongle เพื่อใช้งานคอมพิวเตอร์พร้อมกัน 2 ตัวได้หลังจากคุณทำการ Paring แล้วจะไม่ต้อง Set up ใหม่อีกครั้ง สลับการใช้งาน Dongle โดยการกดปุ่ม DPI และปุ่มด้านข้างเม้าส์ 2 ปุ่มค้างเอาไว้